สนค. แจง การส่งออก ช่วง ต.ค. ดีกว่าที่คาด -6.71% เชื่อปีหน้าฟื้นตัว

สนค. แจง การส่งออก ช่วง ต.ค. ดีกว่าที่คาด -6.71% เชื่อปีหน้าฟื้นตัว

สนค. ได้มีการชี้แจงยอด การส่งออก ในช่วงเดือนตุลาคม 2563 ได้ลดลงไป 6.71% ที่ถือว่าดีขึ้นกว่าในช่วงที่ผ่านมา และได้มีการคาดการณ์ว่ายอดในปีหน้าจะเป็นบวก มีการฟื้นตัวขึ้นอย่างแน่นอน นางสาว พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ได้ทำการเปิดเผย ยอด การส่งออก ของประเทศไทยในเดือนตุลาคม 2563 ว่ามีมูลค่าทั้งสิ้น 19,376.68 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยลดลงไป 6.71% ซึ่งทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ และถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะการส่งออกที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของภาคการผลิตจริง

ในส่วนของการนำเข้ามีมูลค่าอยู่ที่ 17,330.15 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงไป 14.32% ทำเกิดดุลการค้า 2,046.53 ล้านเหรียญสหรัฐ

ขณะที่การส่งออกในรอบ 10 เดือนตั้งแต่ ม.ค. – ต.ค. ของปี 2563 นั้นมีมูลค่าอยู่ที่ 192,372.77 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงไปโดยรวม 7.26% ในส่วนของการนำเข้าในกรอบเวลาเดียวกันนั้น มีมูลค่า 169,702.56 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงไป 14.61% โดยยังคงเกินดุลการค้ามูลค่า 22,670.21 ล้านเหรียญสหรัฐ

ปัจจัยที่ส่งผลให้การส่งออกเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นนั้น มาจากการที่เศรษฐกิจโลกเริ่มมีการปรับตัวดีขึ้น หลายประเทศเริ่มมีการผ่อนคลายในการเดินทางและการขนส่ง ส่งผลให้การผลิตเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ โดยสินค้าที่ทำการส่งออกได้ดีของไทยนั้น ได้แก่ สินค้าอาหาร สินค้าอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน

โดยทาง น.ส. พิมพ์ชนก ได้กล่าวว่า ในช่วง 2 เดือนที่เหลือของการส่งออกภายในปีนี้นั้น จะส่งผลให้ยอดการส่งออกในปี 2563 นี้เกิน 7% หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมูลค่าการส่งออกโดยเฉลี่ยต่อเดือนนั้นจะเกินหรือน้อยกว่า 19,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

ทั้งนี้สถานการณ์การค้าโลกคาดว่าจะกลับมาดีขึ้นภายหลังจากการชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐของ โจ ไบเดน ที่คาดว่าจะลดความดุเดือดของสงครามระหว่างสหรัฐและจีนลงไปได้บ้าง และการพัฒนาของวัคซีนป้องกัน Covid-19 รวมไปถึงความตกลงกุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป)

แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่ด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็นการกลับมาระบาดในรอบที่ 2 ของ Covid-19 การขาดแคลนตู้ขนถ่ายสินค้า อีกทั้งค่าเงินบาทที่มีความแข็งค่าและผันผวน รวมไปถึงค่าน้ำอีกด้วย

คนละครึ่งเฟส 2 เริ่มชัดเจนเดือนธันวาคม คาดเปิดใช้ต้น มกราคม 2564 คนที่ลงทะเบียนเฟส 1 จะต้องใช้เงินให้หมดก่อนสิ้นปี แล้วสามารถใช้ คนละครึ่ง เฟส 2 ต่อได้ เป็นโครงการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความิยมอย่างมาก “คนละครึ่ง” เฟส 1 ที่ลงทะเบียนครบแล้ว 10 ล้านคน โดยจะเป็นการช่วยประชาชนจ่ายค่าสินค้าคนละครึ่ง วงเงินสูงสุด 3,000 บาท ความคืบหน้าคนละครึ่งเฟส 2 เริ่มมีข่าวออกมาให้เห็นชัดเจนแล้วดังนี้

การคลัง เผยสรุป คนละครึ่ง เฟส 2 ต้นเดือน ธ.ค. และช่วย บัตรคนจน เพิ่ม

กระทรวง การคลัง ได้ทำการเปิดเผยว่าจะมีการสรุปถึงรายละเอียดของโครงการ คนละครึ่ง เฟส 2 ในช่วงต้นเดือนธันวาคม และจะมีการช่วยเหลือในทางของ บัตรคนจน เพิ่มเติม โดยนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวง การคลัง ได้ทำการกล่าวในงาน Wealth Forum ว่า นายกรัฐมนตรีได้มีการสั่งการล่าสุดให้ทมางกระทรวง เร่งทำการสรุปในการขยายมาตรการ คนละครึ่ง ในระยะที่ 2  และข้อเสนอในการเพิ่มเติมเงินค่าครองชีพให้กับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ให้ทาง ศบศ. ทำการพิจารณาภายในช่วงต้นเดือน ธ.ค. 

ทั้งนี้ในส่วนของโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ได้มีการพิจารณาถึงการดำเนินการเพื่อให้ครอบคลุมกับประชาชนที่มีความต้องการสิทธิ์ได้เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงในส่วนของวงเงินที่ต้องให้ จำนวนสิทธิที่จะขยายเพิ่ม และขอบเขตการใช้เงินภายใต้วงเงินนั้น โดยถ้าหากมีการเพิ่มเติมใด ๆ ในระยะที่ 2 นี้ก็จะมีการขยายผลให้รวมไปในส่วนของผู้ที่ได้รับในระยะที่ 1 ด้วย

อีกทั้งอาจจะรวมไปถึงการขยายระยะเวลาให้ยาวจนถึงช่วงตรุษจีนในปี 2564 

นอกจากนี้แล้วยังได้มีการพิจารณาถึงการเข้าไปช่วยเหลือด้านค่าครองชีพให้กับผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแก่งรัฐเพิ่มเติมด้วย โดยอาจจะมีการให้เงินเพิ่มอีก เดือนละ 5,000 บาท

ทั้งนี้ ได้เชื่อว่า งบประมาณภาครัฐมีความเพียงพอต่อการดำเนินการในโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ได้

นายกฤษฎา ได้กล่าวว่า ตอนนี้ได้อยู่ระหว่างการเข้าไปดูกับทางธนาคารกรุงไทยถึงจำนวนผู้ที่ลงทะเบียน เพื่อใช้ในการประเมินการขยายสิทธิ์ให้มีความครอบคลุม เช่นอาจจะเพิ่มเป็น 14-15 ล้านคน แต่ก็ต้องมาดูในทั้ง 3 โครงการ ในภาพรวมว่าจะผลเป็นอย่างไร ทั้งในส่วนของช้อปกีมีคืน บัตรสวัสดิการแก่งรัฐ และตัววงเงินของคนละครึ่งด้วย

นอกจากนี้แล้วยังได้มีการสั่งการให้ทางสถานบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เร่งจัดทำของขวัญปีใหม่ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าทีมีการผ่อนชำระเป็นอย่างดี ที่จะรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม

ในวันที่ 20 ตุลาคมก่อนหน้า นาย Liu ได้เผยว่าบริษัท China National Biotec Group นั้นได้มีความพร้อมสำหรับการผลิตวัคซีนขนานใหญ่ และวคซีนที่ได้นั้นจะมีประสิทธิภาพ และปลอดภัย ประเทศมากกว่า 10 ประเทศได้กล่าวไว้ว่าพวกเขาได้มีความพยายามในการใช้งานวัคซีนนี้

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป