ตำรวจสอบสวนกลาง รวบผู้ต้องหาลักลอบจำหน่าย น้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้า กลิ่นกัญชา ผ่านเฟซบุ๊ก ความผิดฐาน “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งห้ามขาย หรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า”ข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวชุดจับกุมบุกรวบตัวหนุ่มลักลอบขายน้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้า กลิ่นกัญชา
ได้รับการเปิดเผยวันนี้ (3 ส.ค.65) จาก สอบสวนกลาง (CIB) โดย กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค ภายหลังร่วมกันจับกุม น.ส.ขวัญตา อายุ 22 ปี ความผิดฐาน “ฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคซึ่งห้ามขาย หรือห้ามให้บริการบารากู่ บารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า หรือตัวยาบารากู่ น้ำยาสำหรับเติมบารากู่ไฟฟ้า หรือบุหรี่ไฟฟ้า”
โดยสืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบทราบว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางเฟซบุ๊ก เจ้าหน้าที่จึงทำการสืบสวนติดตามจับกุม โดยขณะจับกุมสามารถตรวจยึดน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า (กลิ่นกัญชา) ได้จำนวนหนึ่ง
ปล้นร้านทอง หาทุนปลูกกัญชาขาย โจรขาเป๋ สารภาพบุกเดี่ยวปล้นทองที่โคราช ที่แท้นักศึกษาปี 4 มหาลัยดัง ที่เดินขาเป๋แกล้งทำ ข่าวปล้นห้างทองแสงมณี ถนนจอมพล เขตเทศบาลนครราชสีมาโดยคนร้ายทำทีเดินขาเป๋ก่อนใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานร้าน ก่อนกวาดสร้อยคอทองคำไป 5 เส้น มูลค่ากว่า 150,000 บาท เหตุเกิดเมื่อเวลา 16.00 น. เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ที่ผ่านมา
ความคืบหน้า ล่าสุด โจรร้านสิ้นท่าเจ้าห้นาที่ตำรวจแล้ว หลังถูกรวบตามแกะรอบและตามรวบตัวได้ที่หอพักแห่งหนึ่งใกล้มหาวิทยาลัยชื่อดัง ก่อนนำมาแถลงข่าววันที่ 2 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทราบชื่อผู้ต้องหาคือ นายพรเทพ อายุ 24 ปี เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 4 มหาวิทยาลัยชื่อดังของจังหวัดนครราชสีมา หลังการจับกุมหนุ่มนิสิตปี 4 สารภาพก่อเหตุจี้ชิงทองจริง
เหตุผลต้องการนำเงินมาใช้เป็นทุนในการปลูกกัญชาขาย อาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเป็นปืนปลอม โดยภายหลังได้นำสร้อยคอทองคำ 5 เส้นที่จี้มาฝังดินไว้ที่ป่ามันสำปะหลังใกล้กับมหาวิทยาลัยที่เรียนอยู่ ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดที่จับภาพก่อนก่อเหตุมีท่าทางคล้ายคนเดินไม่ปกตินั้น เจ้าตัวยอมรับแกล้งทำเป็นเดินขาเป๋เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่
ทั้งนี้ ของกลางสร้อยคอทองคำทั้ง 5 เส้นที่คนร้ายที่จี้ชิงไปนั้น ตำรวจได้พาไปตรวจค้นพร้อมนำของกลางทั้งหมดส่งคืนให้กับร้านทองดังกล่าวแล้ว
อัยการ เผยคดี ‘บอส กระทิงแดง’ เสพโคเคน หมดอายุความแล้ว
นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ในฐานรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผยความคืบหน้ากรณี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ บอส กระทิงแดง ลูกกระทิงแดง กรณีเสพโคเคน
ว่าสืบเนื่องจาก ผลจากการใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ ตั้งแต่วันที่ 9 ธ.ค.64 ที่ให้ยกเลิก พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ทำให้คดีของบอส กระทิงแดง ในข้อหาเสพโคเคนขาดอายุความตามกฎหมาย เนื่องจากพนักงานอัยการตั้งทีมรื้อคดีอาญาขึ้นใหม่ โดยที่มีนายอิทธิพร แก้วทิพย์อธิบดีอัยการ สำนักงานคอีอาญา เป็นหัวหน้าคณะทำงานและมีตนเป็นเลขาคณะทำงาน ได้แจ้งดำเนินคดีเพิ่มข้อหาเสพโคเคน
ต่อมาหลังจากแจ้งดำเนินคดีนั้น นายวรยุทธก็ได้หลบหนีไป จนศาลมีหมายจับซึ่งมีกำหนดอายุความ 10 ปี เป็นไปตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี พ.ศ 2522 มาตรา 58 ที่ระบุว่าห้ามไม่ให้ผู้ใดเสพยาเสพติดโคเคน ( ยาเสพติดประเภท 2) หากผู้ใดฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษตามมาตรา 91 คือจำคุก 6 เดือนถึง 3 ปี จึงทำให้คดีดังกล่าวมีอายุความ 10 ปี
ทั้งนี้คดีดังกล่าวได้เกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย.2555 อายุความก็จะขาดในวันที่ 3 ก.ย.2565 ที่จะถึงนี้ แต่ปรากฏว่าต่อมาได้มีประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ออกมาบังคับใช้ โดยยกเลิกพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษปี 2522 ทั้งหมด แล้วเขียน หมวดว่าด้วยเสพยาเสพติดประเภท 5 ใหม่ไว้ในมาตรา 104 ของกฎหมายดังกล่าวระบุว่า ห้ามไม่ให้ผู้ใดเสพยาเสพติดประเภท 2 (โคเคน) หากผู้ฝ่าฝืนจะถูกลงโทษ ตามมาตรา 162 คือมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี
ผลคือ ทำให้อายุความคดีจาก 10 ปี ลดเหลือ 5 ปี ทำให้คดีของนายวรยุทธในข้อหาเสพโคเคนหมดอายุความแล้ว
ปัจจุบันคดีของ บอส กระทิงแดง เหลืออยู่เพียงข้อหาเดียวคือ การขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 มีอัตราโทษจำคุก ไม่เกิน 10 ปี และมีอายุความ 15 ปี ซึ่งจะหมดอายุความในวันที่ 3 ก.ย. 2570
นายกฯ กล่าวส่งท้ายว่า “สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณ 9 กระทรวง 26 หน่วยงาน และ 2 ส่วนราชการ ที่ร่วมกันบูรณาการอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนพี่น้องประชาชนที่มีส่วนร่วมในการแก้ไข ปัญหายาเสพติด ผมขอเป็นกาลังใจให้กับทุก ๆ ท่าน ในการปฏิบัติหน้าที่ และขอให้ทุกคนมุ่งมั่น แก้ไข ขจัดภัย ยาเสพติด เพื่อความปลอดภัยของสังคมสืบต่อไป”
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป